เต้าโบ้ (斗姆) นั้น ท่านอุบัติขึ้นมาก่อนการเกิดเหตุการณ์บิ๊กแบง (大爆炸/大霹靂) เมื่อประมาณ หนึ่งแสนสี่หมื่นล้านปีที่แล้วครับ โดยที่โลกของเรา (地球) เพิ่งจะเกิดขึ้นได้แค่ เก้าหมื่นหนึ่งพันล้านปี (大約九十一億年前) และเต้าโบ้นั้น ได้อุบัติขึ้นเมื่อหนึ่งพันสองร้อยสามสิบล้านล้านปี (เต้าโบ้นั้น เกิดขึ้นหลังจากที่มีซานชิงครับ - 與元始天王一氣化三清的一千二百三十億萬年之間﹐斗姆誕生了)
ก่อน หน้าเหตุการณ์บิ๊กแบงนั้น จักรวาลของเราจะมีลักษณะยืดหยุ่นเป็นก้อนเดียวครับ ซึ่งทางเต๋าจะเรียกช่วงนี้ว่า 混元期 หรือ 無極界 จากนั้นเจ้าก้อนจักรวาลนี้ได้ดูดเอาพลังจากภายนอก (外來之陽氣) เข้ามาในก้อนนี้เรื่อยๆ โดยที่พลังงานภายนอกที่โดนดูดเข้ามานี้ เต๋าจะเรียกว่า 生為斗父 โดยพลังภายนอกนี้เกิดการปะทะกับพลังภายใน內在之陰氣 ซึ่งเต๋าเรียกว่า “เต้าโบ้” 生為斗姆 และเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง (陰陽相極之氣相碰) นี้คิอเหตุการณ์การปะทะกันของหยินและหยางอย่างรุนแรงที่สุด หรือเหตุการณ์บิ๊กแบงนั้นเอง而導致天文學中所稱之為的大爆炸/大霹靂)
ขณะ ที่เกิดเหตุการณ์บิ๊กแบงนั้น ได้มีพลังงานความร้อนและรังสีในช่วงคลื่นต่างๆ ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างมากมาย จึงทำให้เต้าโบ้นั้น มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า 巨光天后 ซึ่งแปลว่าแสงสว่างอันหาประมาณมิได้ (在兩極之氣相碰之時﹐巨大光芒及熱量被釋放﹐因此﹐斗姆又被稱之為巨光天后或紫光夫人) และ 紫光夫人 ซึ่ง แปลว่าแสงสีม่วง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงความถี่สเปรคตัมของแสงสีม่วงนั้นจะเป็นแสงที่มีความร้อนมากที่สุด และผลของการเกิดบิ๊กแบงนั้นทำให้เกิดอนุภาคที่เราเรียกว่า ดวงดาว นั้นเองครับ (在碰撞之後﹐因大能量的產生﹐小小星體因此而誕生)
พลังงาน ที่เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยของบิ๊กแบงนั้นทำให้เกิดจักรวาลของเราและเกิดดวง ดาวต่างๆขึ้นมากมายครับ ซึ่งหลังจากการเกิดบิ๊กแบงใหม่ๆนั้น ดวงดาวต่างๆยังเป็นกลุ่มก๊าซที่มีความร้อนสูง หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาหนึ่ง พวกดาวเหล่านั้นก็เริ่มเย็นลงและมีขนาด น้ำหนัก และมีตำแหน่งโคจรที่ชัดเจนขึ้นในจักรวาล เพราะดวงดาวเกิดใหม่เหล่านี้ เริ่มมีแรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูดระหว่างกัน เกิดเป็นวงโคจร ตามตำแหน่งต่างๆ เช่นกลุ่มดาวปักเต้า北斗星 ดาวจี๋เหว่ย 紫微星 ดาวเที้ยนอ๋อง天皇星 และดาวอื่นๆ เป็นต้น เราอาจจะพูดได้ว่าหลังจากที่มีการเกิดขึ้นของดาวต่างๆแล้ว นั้นก็คือการอุบัติขึ้นของเทพเจ้าในทางเต๋านั้นเองครับ
แล้ว เต้าโบ้เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้กำเนิดกิ๋วอ๋องไต่เต่ ได้อย่างไร นั้นเป็นเพราะกิ๋วอ๋องไต่เต่นั้น คือดาวเก้าดวงที่เกิดขึ้นหลังจากบิ๊กแบงนั้นเองครับ แต่ยังมีดาวอีกสองดวงที่เกิดขึ้นก่อนกิ๋วอ๋องไต่เต่ ผมจะลำดับวงศ์ของเต้าโบ้และกิ้วอ๋องไต่เต่ดังนี้ครับ
ทางเต๋าเองก็แยกวงศ์ของเต้าโบ้ ออกเป็นสองแบบครับ (ให้ดูรูปประกอบ) ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ครับ
龍漢祖劫天帝周御國王斗父天尊
Emperor of Long Han Zu Jie Zhou Yu Kingdom (Dou Fu) Father of All Star Lords
聖德巨光天后大聖圓明斗姆天尊
Empress Sheng De Ju Guang (Dou Mu) Mother of All Star Lords
中天萬星教主中央紫微北極大帝
Emperor Zi Wei
(ถือ ได้ว่าเป็นลูกคนแรกของทั้งผังครอบครัว ที่๑และ๒ ครับ แต่ในผังครอบครัวที่ ๒ จื่อเหว่ย ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในกิ้วอ๋องไต่เต่ครับ แต่เป็นเทพเจ้าที่แยกฉายเดี่ยวออกมาแทน)
中天萬神之主勾陳上宮天皇大帝
Emperor Tian Huang
(นับ เป็นลูกคนที่สองครับ ของทั้งผังครอบครัว ที่๑และ๒ แต่ในผังครอบครัวที่ ๒ เทียนหวง ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในกิ้วอ๋องไต่เต่ครับ แต่เป็นเทพเจ้าที่แยกฉายเดี่ยวออกมาแทนอีกเช่นกัน )
中天大聖北斗第一陽明貪狼大道星君
Lord Bei Dou Tan Lang (1st Star - Visible)
中天大聖北斗第二陰精巨門大道星君
Lord Bei Dou Ju Men (2nd Star - Visible)
中天大聖北斗第三真人祿存大道星君
Lord Bei Dou Lu Chun (3rd Star - Visible)
中天大聖北斗第四玄冥文曲大道星君
Lord Bei Dou Wen Qu (4th Star - Visible)
中天大聖北斗第五丹元廉貞大道星君
Lord Bei Dou Lian Zhen (5th Star - Visible)
中天大聖北斗第六北極武曲大道星君
Lord Bei Dou Wu Qu (6th Star - Visible)
中天大聖北斗第七天關破軍大道星君
Lord Bei Dou Po Jun (7th Star - Visible)
中天大聖北斗第八洞明左輔大道星君
Lord Bei Dou Zuo Fu (8th Star - Invisible)
(ดาว ดวงนี้จะมองไม่เห็นครับ และในผังครอบครัวที่๑ จะแยกท่านออกมาเป็น ผู้ช่วยของเต้าโบ้แทนครับ ส่วนในผังครอบครัวที่สอง จะโดนนับเป็นลูกคนที่แปด)
中天大聖北斗第九隱光右弼大道星君
Lord Bei Dou You Bi (9th Star - Invisible)
(ดาว ดวงนี้จะมองไม่เห็นเช่นกัน และในผังครอบครัวที่๑ จะแยกท่านออกมาเป็น ผู้ช่วยของเต้าโบ้แทนครับ ส่วนในผังครอบครัวที่สอง จะโดนนับเป็นลูกคนที่เก้า)
ผังครอบครัวแบบที่ ๑
ผังครอบครัวแบบที่ ๒
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2552
ส่ำกวนไต่เต่ - 三官大帝
三官大帝 คือผู้เป็นใหญ่ในโลกสามโลก ตามความเชื่อของศาสนาเต๋านั้น สามโลกที่ว่าคือ ฟ้า(สวรรค์), ดิน และน้ำครับ (是天官、地官和水官) ทั้งสามไม่ใช่พี่น้องกันนะครับ เป็นตำแหน่งที่มีขึ้น เพื่อดูแลทั้งสามโลกในสงบเรียบร้อยครับ และ เทียนกวนนั้น ก็ไม่ใช่ หยกอ๋องซ่งเต่ แต่อย่างใดนะครับ เพราะหยกอ๋องนั้น เป็นใหญ่ทั้งสามโลกเลย พูดง่ายๆ ว่า เป็น บอส (boss) ใหญ่อีกที
ในสมัยโบราณนั้น การบูชาฟ้าดินและน้ำ สงวนไว้ให้กับกษัตรย์เท่านั้นนะครับ ชาวบ้านนั้นอนุญาติให้บูชาบรรพบุรุษได้อย่างเดียว (上古祭祀天地水是皇帝的權利 ,庶民百姓只能祭祖) อย่างไรก็ตามการบูชา 三官大帝 นั้น ก็เข้าถึงชาวบ้าน และป๊อปปูล่าสุดๆ ก็ในสมัยฮั่น (漢朝時期)เนื่องจาก เตียวเทียนซือ(正一天師張道陵) เอาพิธีกรรมนี้มาเผยแผ่ให้ชาวบ้านครับ โดยสมัยนั้นเมื่อเกิดเหตุเภทภัย โรคระบาดต่างๆ เตียวเทียนซือจะประกอบพิธีกรรมร่วมกับชาวบ้านเพื่อบูชา ส่ำกวนไต่เต่ 三官大帝 เพื่อให้ภัยภิบัติบรรเทาหรือหายไป โดยจะทำ เป็นหนังสือที่เรียกว่า 三官手書 (หนังสือเขียนด้วยลายมือ) สามเล่ม แล้วเอาไปไว้บนภูเขา, ฝังดิน และให้จมลงในแม่น้ำครับ ต่อมาในสมับราชวงศ์เหนือใต้ ส่ำกวนไต่เต่ก็ได้ถูกเอามารวมกับ 上中 下三元神(Spirits of the Three Origins)
天官大帝 หรือ 天官賜福 ในทางเต๋าจะเรียกว่า 上元一品賜福天官 หรือ จื่อเว่ยต้าตี่ 紫微大帝 นั้นเองครับ โดยท่านมีหน้าที่ในการดูแลชี่เขียวเหลืองขาว (青黃白三氣) และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโลกสวรรค์ โดยในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหนึ่งจีน (เพิ่งผ่านมา) ท่านจะลงมาสำรวจบุญบาปในโลกมนุษย์ ครับ (วัน 上元 งัยละครับ)
地官大帝 หรือ 中元二品赦罪地官 หรือ 清虛大帝 หน้าที่ของท่านคือดูแลโลกของดิน และจัดระเบียบชี่ที่เรียกว่า 元洞混靈之氣 (ขออภัย ไม่รู้จะเรียกเป็นภาษาไทยอย่างไร) รวมไปถึงดูแลเทพเจ้าแห่งขุนเขาทั้งห้า และเซียนมนุษย์ (總主五帝五嶽諸地神仙) วันที่สิบห้าเดือนเจ็ด ท่านจะมาที่โลกมนุษย์เพื่อสำรวจบุญบาป
水官大帝 หรือ 下元三品解厄水官 หรือ 洞陰大帝 ผู้ดุแลโลกของน้ำ, ชี่ของลม และทะเลสาปฒ โลกหลังความตาย รวมไปถึงเซียนที่เกิดจากน้ำทั้งหมด ทุกๆวันที่สิบห้าเดือนสิบ ท่านจะลงมาสำรวจบุญบาปในโลกมนุษย์ครับ
แปะเฮาะต่งจื้อ - 白鶴童子
白鶴童子 เป็นรูปแบบ (form หรือคนไทยเรียกว่า ปาง หรือ อวตาร) หนึ่งของเซียนนกกระเรียนขาวครับ จากตำนานได้กล่าวไว้ว่า กระเรียนขาวนี้ได้บำเพ็ญเพียรที่เขาคุนหลุน(崑崙山)จนสำเร็จเป็นเซียน
วันหนึ่ง 白鶴童子 ในร่างของมนุษย์ได้เดินเล่นอยู่บนเขาคุนหลุน ชมวิวชิวๆ จนลืมดูทาง ได้เกิดพลัดตกลงเหวลึก บาดเจ็บจนปีกหักสลบไป แต่เมื่อตื่นขึ้นมา ปรากฎอัศจรรย์ว่าท่านไม่ปวดหรือบาดเจ็บเหมือนตอนแรกตกลงมา
ขณะ ที่ 白鶴童子 กำลังประหลาดใจอยู่นั้น ท่านก็เห็นเซียนวิเศษท่านหนึ่งนั้นก็คือ ฉางเซิงต้าตี้ (長生大帝) หรือ โซ่วซิง (壽星) นั้นเอง ท่านจึงนั่งคุกเข่าและขอบคุณเซียน 壽星 ที่ช่วยเหลือท่าน และขอติดตาม 長生大帝 เพื่อปรณนิบัติและศึกษาเต๋าต่อไป
ตั้งแต่ เหตุการณ์ตกเหว เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญของ 白鶴童子 มาก จนพลังในการใช้ปีกได้หายไป วันหนึ่งขณะที่โซ่วซิงและ 白鶴童子 กำลังเหาะไปสวรรค์อยู่นั้น ก็ผ่านจุดเกิดเหตุคือหน้าผาแห่งนั้นพอดี โซ่วซิงต้องการสอนศิษย์เลยผลัก 白鶴童子 ตกลงจากเมฆที่เหาะอยู่ ขณะที่ 白鶴童子 ตกลงจากเมฆลงไปในหน้าผานั้น ความกลัวเก่าๆของท่านก็ปุดๆๆๆผุดขึ้นมา ขณะที่ท่านตกใจกลัวนั้น เสียงของ เซียนโซ่วซิงผู้เป็นอาจารย์ ก็ตะโกนลงมาว่า "จงขจัดความกลัวของเจ้า จงใช้พลังของเจ้าทำให้ปีกบินได้อีกครั้ง"
白鶴童子 ได้ยินคำสั่งสอนของ อาจารย์ ก็ตั้งสติขจัดความกลัว รวมพลังจิตให้เป็นสมาธิ รวบรวมพลังไปสู่แผ่นหลัง ทันใดนั้น ท่านก็สามารถลอยตัวอยู่บนอากาสได้ และสำเร็จเป็นเซียน
ดังนั้นชาว บ้านจึงนับถือท่าน ในความเป็น สัญญลักษณ์ของความกล้าหาญในการต่อสู้กับความกลัวในจิตใจ อีกทั้งรวมไปถึงสัญลักษณ์ของพลังพิเศษต่างๆด้วย
อีก ตำนานหนึ่ก็บอกว่าท่านเป็นศิษย์คนแรกและคนเดียวที่เป็นสัตว์ของ ง่วนสีเทียนจุน (元始天尊) ว่ากันว่าท่านมีความฉลาดมาก ง่วนสีเทียนจุนให้ทำอะไรหรือสอนอะไรก็จะจดจำและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จนท่านสำเร็จเต๋า ก้ได้ช่วยงานทางด้านงานขีดๆเขียนๆให้กับง่วนสีเทียนจุน เช่นการทำรายงานเตือนพวกเทพต่างๆในโลกสวรรค์ หรือทำรายงานส่งไปตามโลกต่างๆเป็นตั้น
ดังนั้นบางครั้งดเวลาเราเห็นการตั้งปะรำพิธีที่มีซานชิงอยู่ มักจะมีรูปกิมสิ้นเล็กๆของ กุมารกะเรียนขาวน้อย นี้อยู่ด้วยนั้นเองครับ
บันทึก กับกุมารกระเรียนขาวนี้ มีอยู่ในพระไตรปิฎกของเต๋า เรียกว่า เต้าจ่าง Taoist Canon (Daozang 道藏) ซึ่งจะมีเรื่องราวของเทพเจ้าที่เราไม่คุ้นเคยอยู่มากมาย เต้าจ่างนี้ปัจจุบันไม่มีการตีพิมพ์ออกมาแล้ว จะหาได้คงจากไต้หวันหรือฮ่องกงครับ
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
เตียวฮู้อ๋องเอี๋ย - 張府王爺
บู้อันจุนอ๋อง (武安尊王) หรือ ตูเทียนไต่เต่ (都天大帝) หรือ โปอี๋จุนอ๋อง (保儀尊王) หรือ เตียวฮู้เชียนโส่ย หรือ เตียวฮู้อ๋องเอี๋ย (張府千歲, 張府王爺) มีชื่อจริงว่า เตียวซุ่น (張巡) เกิดในสมัยราชวงศ์ถัง ประมาณปี ค.ศ.708 (生于唐朝中宗年間) ณ บ้านหย่งจี๋ มณฑลซานซี (家鄉於山西省永濟)
ปี ค.ศ. 713 เตียวซุ่นสอบเข้ารับราชการในราชสำนักถัง และได้ทำงานเป็นข้าราชการในส่วนการให้การศึกษาแก่รัชทายาท จนถึงปี ค.ศ. 741 (任職太子通事舍人)
ปี ค.ศ. 742 เตียวซุ่น ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานปกครอง ณ บ้านชิงเหอ มณฑลเหอเป่ย (被派任為河北省清河縣令) ในช่วงที่ท่านอยู่ที่เหอเป่ย ท่านได้สร้างความดีความชอบ ช่วยเหลือประชาชนในการปราบปรามกลุ่มคนอันธพาล และโจรผู้ร้าย เป็นอันมาก
ปี ค.ศ. 755 เตียวซุ่นกลับเข้ารับใช้ราชสำนัก ซึ่งในขณะนั้น ฮ่องเต้ถังเสวียนจง (唐玄宗) ซึ่งมัวเมากับหยางกุ้ยเฟย ยอดหญิงงามแห่งยุคนั้น โดยให้งานในราชสำนักตกอยู่ในความดูแลของ หยางกั๋วจง (楊國忠) ซึ่งเป็นพี่น้องกับหยางกุ้ยเฟยนั้นเอง ข้าราชการในวังหลวงที่ต้องการเลื่อนตำแหน่งจะต้องเข้าไปติดสินบนหยางกั๋วจง เตียวซุ่นนั้นก็ได้รับการแนะนำให้เข้าไปพบหยางกั๋วจงเพื่อล็อบบี้ขอตำแหน่ง แต่ท่านปฏิเสธและแสดงความรังเกียจขุนนางกังฉินผู้นี้อย่างออกหน้าออกตา จนหยางกั๋วจงไม่พอใจ ปลดตำแหน่งของท่านและไล่ออกจากวังไป
ต่อมาไม่นานนัก เกิดเหตุการณ์กบถอันลู่ซาน (安祿山) จนถังเสวียนจงต้องระเหดออกจากวัง และราชสำนักได้คืนตำแหน่งราชการให้เตียวซุ่นเพื่อให้ท่านมาช่วยปราบกบถ
ปี ค.ศ. 757 ขณะที่ท่านทำการสู้รบอยู่นั้น ท่านได้ถูกข้าศึกล้อมไว้หมดทางหนี ท่านได้ส่งทหารไปขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะฝ่ายทหารนั้นโดนพวกกังฉินของหยางกั๋วจงกุมอำนาจอยู่ ทำให้ท่านต้องต่อสู้โดดเดี่ยวด้วยตัวเอง
ปี ค.ศ. 757 ขึ้น 9ค่ำ เดือน 10จีน (農曆十月初九日) เตียวซุ่นได้สละชีพปกป้องบ้านเมืองในขณะที่ทำการต่อสู้กับพวกกบถ พร้อมกับนายทหารที่ติดตามไปกับท่าน เช่น ซิวหยวน (許遠 - 許府千歲), หนานฉีหยวน (南齊雲 - 南府千歲) และ เหล่ยหว่านชุน (雷萬春 - 雷府千歲) ก็เสียชีวิตทั้งหมด
จากวีรกรรมอันกล้าหาญ ความดีที่รับใช้ชาติของคนทั้งสี่ ทำให้ชาวบ้านสักการะบูชาทั้งสี่เป็นเทพเจ้า และหลังจากที่ทั้งสี่เสียชีวิต วิญญาณของทั้งสี่ก็ไปสู่สรวงสวรรค์ (天庭) และได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพเจ้า (上天敕封)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)