ตี่ฮู้อ๋องเอี๋ย (池府王爺) หรือ ตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย (池府千歲) มีนาม เดิมว่า ตี่หมั่งเปียว (池夢彪)
เป็นชาวตันหลิว (陳留人氏)เกิดสมัยสุยถัง เป็นคนซื่อตรงและหนักแน่น มีปัญญาเฉลียวฉลาด
เที่ยงธรรม และเข้มแข็ง
ทั้งยังมีความกล้าหาญเหนือกว่าบรรดาผู้กล้าใน ๓๖ เหล่าทัพ คราวเมื่อพระเจ้าถังเกาจู่ (唐高祖)
ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังกรีฑาทัพเข้าตียึดครองด่านกวนจงได้สำเร็จ
ตี่หมั่งเปียวได้อุทิศตนสนับสนุนช่วยเหลือในการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าถังเกาจู่
จนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ตงหล่องจ่อง(中郎將)” และ “เจียดช้งโตวอุ่ย (折衝都尉)”
ในศักราชจิงกวนปีที่ ๑๗ (貞觀十七年) ราวพ.ศ.๑๑๘๖
ได้ติดตามสมัยพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ไปทำศึกกับประเทศเกาหลี
หลังเสร็จศึกท่านตี่หมั่งเปียวได้เลื่อนตำแหน่งเป็น “ซวนอุยจ่องกุ้น (宣威將軍)”
และ “ติ่งเซียงโตวต้ก (定襄都督)” ตามลำดับ
ได้ติดตามสมัยพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ไปทำศึกกับประเทศเกาหลี
หลังเสร็จศึกท่านตี่หมั่งเปียวได้เลื่อนตำแหน่งเป็น “ซวนอุยจ่องกุ้น (宣威將軍)”
และ “ติ่งเซียงโตวต้ก (定襄都督)” ตามลำดับ
ตี่ฮู้อ๋องเอี๋ยเป็นเทพผู้มีความศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมด้วยความเมตตา
เหตุที่มีลักษณะใบหน้าสีดำและมีดวงตาโตเบิกกว้าง
เนื่องจากความเชื่อเล่าขานกันมาว่า ท่านตี่อ๋องเอี๋ยได้เจอกับเทพแห่งโรคระบาด
หรืออุ่นสิน (瘟神) องค์หนึ่งซึ่งได้รับบัญชาจากฟ้าให้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อทำให้เกิดโรคระบาด
แก่เมืองที่มีผู้คนทำความชั่วมากจนไม่เกรงกลัวต่อบาป เมื่อเทพแห่งโรคระบาดได้เข้าไปในเมือง
จนได้เจอกับท่านตี่หมั่งเปียวหลังจากสนทนากันจนถูกคอท่านตี่หมั่งเปียวจึงเชิญเทพแห่งโรคระบาด
ไปดื่มสุราพูดคุยสนทนากันต่อหลังจากเทพแห่งโรคระบาดได้ดื่มสุราเข้าไปสักพักใหญ่ก็เกิดรู้สึกมึนเมา
จึงหลุดปากเปิดเผยเรื่องที่ได้ลงมายังโลกมนุษย์ พลางพร้อมกับหยิบยาพิษออกมาจากถุงเล็กๆ
แล้วพูดว่าวันพรุ่งจะลงมือแพร่กระจายโรคระบาดแก่เหล่ามนุษย์ด้วยพิษในถุง
ด้วยใจที่นึกสงสารมนุษย์เป็นอย่างมาก ท่านตี่หมั่งเปียวจึงแย่งเอาถุงยาพิษมา
แล้วตัดสินใจกลืนยาพิษลงไปในปากเพื่อรับเคราะห์แทนเหล่าชาวเมือง
ทันใดนั้นเองพิษก็ได้แพร่ซ่านออกฤทธิ์ทันทีจนกายทั่วร่างรับพิษร้ายกลายเป็นสีดำสนิท
ดวงตาทั้งสองปูดโปนออกมา
เหตุที่มีลักษณะใบหน้าสีดำและมีดวงตาโตเบิกกว้าง
เนื่องจากความเชื่อเล่าขานกันมาว่า ท่านตี่อ๋องเอี๋ยได้เจอกับเทพแห่งโรคระบาด
หรืออุ่นสิน (瘟神) องค์หนึ่งซึ่งได้รับบัญชาจากฟ้าให้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อทำให้เกิดโรคระบาด
แก่เมืองที่มีผู้คนทำความชั่วมากจนไม่เกรงกลัวต่อบาป เมื่อเทพแห่งโรคระบาดได้เข้าไปในเมือง
จนได้เจอกับท่านตี่หมั่งเปียวหลังจากสนทนากันจนถูกคอท่านตี่หมั่งเปียวจึงเชิญเทพแห่งโรคระบาด
ไปดื่มสุราพูดคุยสนทนากันต่อหลังจากเทพแห่งโรคระบาดได้ดื่มสุราเข้าไปสักพักใหญ่ก็เกิดรู้สึกมึนเมา
จึงหลุดปากเปิดเผยเรื่องที่ได้ลงมายังโลกมนุษย์ พลางพร้อมกับหยิบยาพิษออกมาจากถุงเล็กๆ
แล้วพูดว่าวันพรุ่งจะลงมือแพร่กระจายโรคระบาดแก่เหล่ามนุษย์ด้วยพิษในถุง
ด้วยใจที่นึกสงสารมนุษย์เป็นอย่างมาก ท่านตี่หมั่งเปียวจึงแย่งเอาถุงยาพิษมา
แล้วตัดสินใจกลืนยาพิษลงไปในปากเพื่อรับเคราะห์แทนเหล่าชาวเมือง
ทันใดนั้นเองพิษก็ได้แพร่ซ่านออกฤทธิ์ทันทีจนกายทั่วร่างรับพิษร้ายกลายเป็นสีดำสนิท
ดวงตาทั้งสองปูดโปนออกมา
เทพแห่งโรคระบาดจึงพาดวงวิญญาณของท่านตี่หมั่งเปียวไปยังแดนสวรรค์เพื่อเข้าเฝ้าองค์หยกหองส่องเต่ (玉皇上帝)
หลังจากที่ได้ทราบความองค์หยกหองส่องเต่ทรงเห็นถึงจิตใจอันเปี่ยมด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่
ในการจะช่วยเหลือเหล่ามนุษย์จึงทรงโปรดเกล้าพระราชทานแต่งตั้งเป็น ไต่เทียนซุ้นซิ่วตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย (代天巡狩池府千歲)
หรือเทพเจ้าตี่ฮู้เชี่ยนโส่ยผู้ตรวจตราแทนฟ้า พร้อมกับพระราชทานดาบวิเศษ (寶劍) ให้เป็นอาวุธและ
ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแม่ทัพ ๓๖ ทหารเกราะเหล็ก (三十六鐵甲兵) เป็นเทพเจ้าแห่งยุทธศาสตร์
นอกจากนี้แล้วพระตี่ฮู้อ๋องเอี๋ยยังมีความสามารถด้านการดูที่แห่งโชค (地理), ดูฤกษ์ (擇日),
ชำนาญการเดินเรือ (謀航)และ เชี่ยวชาญเรื่องยารักษาโรค(醫) อีกด้วย
รูปกิมซิ้นจึงมีลักษณะใบหน้าและกายสีดำสนิท ดวงตาโตเบิกกว้างเป็นที่เคารพบูชาจนปัจจุบัน
หลังจากที่ได้ทราบความองค์หยกหองส่องเต่ทรงเห็นถึงจิตใจอันเปี่ยมด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่
ในการจะช่วยเหลือเหล่ามนุษย์จึงทรงโปรดเกล้าพระราชทานแต่งตั้งเป็น ไต่เทียนซุ้นซิ่วตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย (代天巡狩池府千歲)
หรือเทพเจ้าตี่ฮู้เชี่ยนโส่ยผู้ตรวจตราแทนฟ้า พร้อมกับพระราชทานดาบวิเศษ (寶劍) ให้เป็นอาวุธและ
ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแม่ทัพ ๓๖ ทหารเกราะเหล็ก (三十六鐵甲兵) เป็นเทพเจ้าแห่งยุทธศาสตร์
นอกจากนี้แล้วพระตี่ฮู้อ๋องเอี๋ยยังมีความสามารถด้านการดูที่แห่งโชค (地理), ดูฤกษ์ (擇日),
ชำนาญการเดินเรือ (謀航)และ เชี่ยวชาญเรื่องยารักษาโรค(醫) อีกด้วย
รูปกิมซิ้นจึงมีลักษณะใบหน้าและกายสีดำสนิท ดวงตาโตเบิกกว้างเป็นที่เคารพบูชาจนปัจจุบัน
บางความเชื่อยังกล่าวว่าตี่ฮู้อ๋องเอี๋ยมีฮูหยินสองท่าน เรียก ตั่วฮูหยิน (大夫人) และ หยี่ฮูหยิน (二夫人)
มีบุตรทั้งหมดหกคน คือ ตั่วก๊องจู้ (大公子) นามว่าตี่จู้บุ๋น (池子文), หยี่ก๊องจู้(二公子) นามว่าตี่จู้บู๊ (池子武),
ซามก๊องจู้ (三公子) นามว่าตี่จู้ท้ง(池子通), สี่ก๊องจู้ (四公子), หง่อก๊องจู้ (五公子) และ หลั่กก๊องจู้ (六公子)
ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม (義子)
มีบุตรทั้งหมดหกคน คือ ตั่วก๊องจู้ (大公子) นามว่าตี่จู้บุ๋น (池子文), หยี่ก๊องจู้(二公子) นามว่าตี่จู้บู๊ (池子武),
ซามก๊องจู้ (三公子) นามว่าตี่จู้ท้ง(池子通), สี่ก๊องจู้ (四公子), หง่อก๊องจู้ (五公子) และ หลั่กก๊องจู้ (六公子)
ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม (義子)
พระฮู้อ๋องเอี๋ยเทพเจ้าผู้ตรวจตราแทนฟ้า(代天巡狩的王爺千歲)
ตามความเชื่อของชาวจีนตั้งแต่โบราณพระอ๋องเอี๋ย (王爺) นั้นมีตำแหน่งที่สูงมาก
เป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเคารพนับถือของเหล่าบรรดาชาวบ้านธรรมดาทั่วไปตลอดจนถึงกษัตริย์ผู้ครองเมือง
โดยมักรู้จักกันในนามพระเชี่ยนโส่ย (千歲) หรือในนามที่ให้เกียรติว่าพระฮู้เชี่ยนโส่ย (府千歲) โดยใช้แซ่นำหน้า
เช่น พระตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย (池府千歲) ซึ่งเดิมมีแซ่ตี่ (池) เป็นต้น
หน้าที่บนสวรรค์จะอยู่แนวหน้ารับบัญชาโดยตรงจากพระหยกหองไต่เทียนจุน (玉皇大天尊)
หรือองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ให้ลงมาตรวจตราความดีความชั่วในโลกมนุษย์ ในนาม “ไต่เทียนซุ้นซิ่ว (代天巡狩)”
หรือ ผู้ตรวจตราแทนฟ้า มีศาลใหญ่ในไต้หวันนามว่า ไต่เทียนฮู้ (代天府) หรือ
ตำหนักแห่งสวรรค์ มีอำนาจควบคุมสั่งการ ๓ กองทัพสวรรค์ คือ กองทัพฟ้า ๓๖ เทพสวรรค์
หรือ ซามจับหลักเทียนกั่ง (三十六天罡), กองทัพดิน ๗๒ ภูตธรณี หรือ ชิดจับหยี่ตี่ซั่ว (七十二地煞)
และ ห้ากองพลรักษามณฑลพิธี หรือ หง่อเอี๋ยกุ้น (五營軍)
ตามความเชื่อของชาวจีนตั้งแต่โบราณพระอ๋องเอี๋ย (王爺) นั้นมีตำแหน่งที่สูงมาก
เป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเคารพนับถือของเหล่าบรรดาชาวบ้านธรรมดาทั่วไปตลอดจนถึงกษัตริย์ผู้ครองเมือง
โดยมักรู้จักกันในนามพระเชี่ยนโส่ย (千歲) หรือในนามที่ให้เกียรติว่าพระฮู้เชี่ยนโส่ย (府千歲) โดยใช้แซ่นำหน้า
เช่น พระตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย (池府千歲) ซึ่งเดิมมีแซ่ตี่ (池) เป็นต้น
หน้าที่บนสวรรค์จะอยู่แนวหน้ารับบัญชาโดยตรงจากพระหยกหองไต่เทียนจุน (玉皇大天尊)
หรือองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ให้ลงมาตรวจตราความดีความชั่วในโลกมนุษย์ ในนาม “ไต่เทียนซุ้นซิ่ว (代天巡狩)”
หรือ ผู้ตรวจตราแทนฟ้า มีศาลใหญ่ในไต้หวันนามว่า ไต่เทียนฮู้ (代天府) หรือ
ตำหนักแห่งสวรรค์ มีอำนาจควบคุมสั่งการ ๓ กองทัพสวรรค์ คือ กองทัพฟ้า ๓๖ เทพสวรรค์
หรือ ซามจับหลักเทียนกั่ง (三十六天罡), กองทัพดิน ๗๒ ภูตธรณี หรือ ชิดจับหยี่ตี่ซั่ว (七十二地煞)
และ ห้ากองพลรักษามณฑลพิธี หรือ หง่อเอี๋ยกุ้น (五營軍)
พระตี่ฮู้อ๋องเอี๋ยเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในพระอ๋องเอี๋ยห้าองค์เรียกว่า
หง่อฮู้อ๋องเอี๋ย (五府王爺)แห่งตำหนักหน่ำคุนซิ้นไต่เทียนฮู้ (南鯤鯓代天府)
ซึ่งทั้งห้าองค์ได้แก่ ไต่อ๋องหลี่ฮู้อ๋องเอี๋ย (大王李府王爺),
หยี่อ๋องตี่ฮู้อ๋องเอี๋ย (二王池府王爺), ซามอ๋องหงอฮู้อ๋องเอี๋ย (三王吳府王爺),
สี่อ๋องจูฮู้อ๋องเอี๋ย (四王朱府王爺)และ หง่ออ๋องห่วนฮู้อ๋องเอี๋ย (五王范府王爺)
พระหง่อฮู้อ๋องเอี๋ย (五府王爺) มีประวัติความเป็นมานานถึง ๑,๔๘๐ กว่าปี
ของประเทศจีน ในสมัยปลายราชวงศ์ “สุย” ถึงช่วงต้นราชวงศ์ “ถัง”
ทั้งห้าเป็นยอดขุนพลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมากเป็นขุนนางที่จงรักภักดีของกษัตริย์
ทั้งห้าองค์มีตระกูลแซ่ที่แตกต่างกันแต่ได้จุดธูปสาบานเป็นพี่น้องต่างตระกูลกันมีจิตผูกพัน
และวิสัยทัศน์ที่เหมือนกัน ทั้งห้ามีความสามารถทั้งบู๊และบุ๋น มีความรักชาติ
ซื่อสัตย์สุจริต กตัญญูกตเวทิตาเปี่ยมด้วยคุณธรรมที่ล้ำเลิศ เกื้อหนุนส่งเสริมให้ราชวงศ์ถัง
มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ เป็นที่โปรดปราณของพระเจ้าแผ่นดิน
และเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั้งปวงดุจดั่งเป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์
ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์จากฮ่องเต้ของราชวงศ์ พระหง่อฮู้อ๋องเอี๋ยจึงมีความศักดิ์สิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ที่เกรียงไกรปรากฏอภินิหารช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ปราบปรามคนชั่วร้าย
มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอยู่เนืองๆนานมาแล้วเป็นเวลาถึง ๑,๔๐๐ กว่าปี
หง่อฮู้อ๋องเอี๋ย (五府王爺)แห่งตำหนักหน่ำคุนซิ้นไต่เทียนฮู้ (南鯤鯓代天府)
ซึ่งทั้งห้าองค์ได้แก่ ไต่อ๋องหลี่ฮู้อ๋องเอี๋ย (大王李府王爺),
หยี่อ๋องตี่ฮู้อ๋องเอี๋ย (二王池府王爺), ซามอ๋องหงอฮู้อ๋องเอี๋ย (三王吳府王爺),
สี่อ๋องจูฮู้อ๋องเอี๋ย (四王朱府王爺)และ หง่ออ๋องห่วนฮู้อ๋องเอี๋ย (五王范府王爺)
พระหง่อฮู้อ๋องเอี๋ย (五府王爺) มีประวัติความเป็นมานานถึง ๑,๔๘๐ กว่าปี
ของประเทศจีน ในสมัยปลายราชวงศ์ “สุย” ถึงช่วงต้นราชวงศ์ “ถัง”
ทั้งห้าเป็นยอดขุนพลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมากเป็นขุนนางที่จงรักภักดีของกษัตริย์
ทั้งห้าองค์มีตระกูลแซ่ที่แตกต่างกันแต่ได้จุดธูปสาบานเป็นพี่น้องต่างตระกูลกันมีจิตผูกพัน
และวิสัยทัศน์ที่เหมือนกัน ทั้งห้ามีความสามารถทั้งบู๊และบุ๋น มีความรักชาติ
ซื่อสัตย์สุจริต กตัญญูกตเวทิตาเปี่ยมด้วยคุณธรรมที่ล้ำเลิศ เกื้อหนุนส่งเสริมให้ราชวงศ์ถัง
มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ เป็นที่โปรดปราณของพระเจ้าแผ่นดิน
และเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั้งปวงดุจดั่งเป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์
ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์จากฮ่องเต้ของราชวงศ์ พระหง่อฮู้อ๋องเอี๋ยจึงมีความศักดิ์สิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ที่เกรียงไกรปรากฏอภินิหารช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ปราบปรามคนชั่วร้าย
มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอยู่เนืองๆนานมาแล้วเป็นเวลาถึง ๑,๔๐๐ กว่าปี
นับย้อนหลังจากปัจจุบันไปประมาณ ๓๐๐ กว่าปี คือช่วงสมัยราชวงศ์หมิง
ถึงต้นราชวงศ์ชิงของประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่ “หง่อฮู้อ๋องเอี๋ย”
ได้เสด็จมาทางเรือตามเจตนาของฟ้าดิน เดินทางลงใต้จากมณฑลฮกเกี้ยน
เสด็จมาถึงเกาะหน่ำคุนซิ้น (南鯤鯓) ของประเทศไต้หวันแห่งยุคปัจจุบัน
สาธุชนมีความเลื่อมใสศรัทธาได้ก่อตั้งเป็นศาลเจ้าขึ้นมาเพื่อกราบไหว้สักการะบูชาองค์เทพเจ้าทั้งห้า
หง่อฮู้อ๋องเอี๋ยเสด็จมาเป็นผู้ตรวจการแห่งเทพเจ้า ขึ้นเหนือล่องใต้ปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
ส่งเสริมช่วยเหลือคนที่สรรสร้างคุณงามความดี เสด็จประดิษฐาน ณ เกาะไต้หวัน
ทรงเมตตากรุณาต่อหมู่ชนทั้งปวง ตั้งแต่ก่อตั้งเป็นศาลเจ้าเคารพบูชามีผู้คนเลื่อมใสศรัทธามากขึ้นทุกวัน
เกียรติศักดิ์เลื่องลือมาถึงแดนไกล ทำให้ผู้คนใฝ่ดีแสวงหาบุญทั้งปวง ต่างเดินทางมากราบไหว้บูชา
ทำการบนบานศาลกล่าว ทำการอธิษฐานจิต (ปรารถนาสิ่งใดที่ดีงามมักสัมฤทธิ์ผลอย่างอัศจรรย์)
เป็นเวลานานถึง ๓๐๐ กว่าปีอิทธิฤทธิ์ที่เลื่องลือ มหาบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
เฉพาะหมู่เกาะในไต้หวันมีสาขาของศาลเจ้าแห่งนี้ขยายออกไปมากขึ้นถึง ๗,๕๐๐ กว่าแห่ง
ประกอบด้วยผู้เลื่มใสศรัทธากราบไหว้บูชากว่า ๑๒ ล้านคน เกียรติศักดิ์เลื่องลือขยายกระจาย
ไปสู่แดนไกลอย่างไม่ขาดสาย…
ถึงต้นราชวงศ์ชิงของประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่ “หง่อฮู้อ๋องเอี๋ย”
ได้เสด็จมาทางเรือตามเจตนาของฟ้าดิน เดินทางลงใต้จากมณฑลฮกเกี้ยน
เสด็จมาถึงเกาะหน่ำคุนซิ้น (南鯤鯓) ของประเทศไต้หวันแห่งยุคปัจจุบัน
สาธุชนมีความเลื่อมใสศรัทธาได้ก่อตั้งเป็นศาลเจ้าขึ้นมาเพื่อกราบไหว้สักการะบูชาองค์เทพเจ้าทั้งห้า
หง่อฮู้อ๋องเอี๋ยเสด็จมาเป็นผู้ตรวจการแห่งเทพเจ้า ขึ้นเหนือล่องใต้ปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
ส่งเสริมช่วยเหลือคนที่สรรสร้างคุณงามความดี เสด็จประดิษฐาน ณ เกาะไต้หวัน
ทรงเมตตากรุณาต่อหมู่ชนทั้งปวง ตั้งแต่ก่อตั้งเป็นศาลเจ้าเคารพบูชามีผู้คนเลื่อมใสศรัทธามากขึ้นทุกวัน
เกียรติศักดิ์เลื่องลือมาถึงแดนไกล ทำให้ผู้คนใฝ่ดีแสวงหาบุญทั้งปวง ต่างเดินทางมากราบไหว้บูชา
ทำการบนบานศาลกล่าว ทำการอธิษฐานจิต (ปรารถนาสิ่งใดที่ดีงามมักสัมฤทธิ์ผลอย่างอัศจรรย์)
เป็นเวลานานถึง ๓๐๐ กว่าปีอิทธิฤทธิ์ที่เลื่องลือ มหาบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
เฉพาะหมู่เกาะในไต้หวันมีสาขาของศาลเจ้าแห่งนี้ขยายออกไปมากขึ้นถึง ๗,๕๐๐ กว่าแห่ง
ประกอบด้วยผู้เลื่มใสศรัทธากราบไหว้บูชากว่า ๑๒ ล้านคน เกียรติศักดิ์เลื่องลือขยายกระจาย
ไปสู่แดนไกลอย่างไม่ขาดสาย…
วันแซยิดพระตี่ฮู้เชี่ยนโส่ย : ๑๘ เดือน ๖ จีน (六月十八日為其聖誕千秋)
ขอขอบคุณ คุณเอกวัฒน์ เชาว์ชัยพร , คุณธเนศ หลิมพานิช
ที่ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแปลข้อมูลป้ายศาลเจ้า และจดหมายเหตุ
ที่ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแปลข้อมูลป้ายศาลเจ้า และจดหมายเหตุ
ประวัติศาลเจ้าเล่าเอี๊ยะกง รวบรวมโดย ทนากร สุนทรากร
ประวัติพระตี่ฮู้อ่องเอี๋ย เรียบเรียงโดย : ATTA (นายอรรถพล ศรีสุวรรณ) / กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
ทางเวบขอขอบคุณโกตั้ม ATTA สำหรับข้อมูลด้วยครับ cyberjoob@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น