มาเล่าเรื่องของชาจีนกับมนุษยชาติกันต่อนะครับ เล่าค้างไว้ถึงสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) ซึ่ง “บิดาแห่งชา” ลวี้อวี่ ได้เขียน “คัมภีร์ชา” ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
จนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. 1503-1822) เรื่องของชาได้เพิ่มความละเอียดละออขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง โดยก่อนการเก็บชา จะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขา และทำการเลือกวันที่เป็นมงคลในการเก็บใบชา เมื่อถึงวันเก็บใบชา จะให้หญิงสาวที่ได้ไว้เล็บยาวพอเหมาะ ทำการเด็ดยอดชา ตามจังหวะของกลองและฉาบ จากนั้นใบชาจะถูกนำมาคัดเกรด โดยใบชาที่เกรดดีที่สุด จะนำไปเป็นเครื่องบรรณาการถวายฮ่องเต้ ซึ่งใบชาเกรดดีดีนั้นจะมีค่าประมาณทองคำ และใบชาเกรดที่ดีสุดนั้น จะประมาณค่ากันไม่ได้เลยทีเดียว และการดื่มชาในสมัยซ่งนั้นยังคงบดใบชาเป็นผงแล้วต้มกับน้ำดื่มเหมือน สมัยถังอยู่ครับ
จนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. 1503-1822) เรื่องของชาได้เพิ่มความละเอียดละออขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง โดยก่อนการเก็บชา จะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขา และทำการเลือกวันที่เป็นมงคลในการเก็บใบชา เมื่อถึงวันเก็บใบชา จะให้หญิงสาวที่ได้ไว้เล็บยาวพอเหมาะ ทำการเด็ดยอดชา ตามจังหวะของกลองและฉาบ จากนั้นใบชาจะถูกนำมาคัดเกรด โดยใบชาที่เกรดดีที่สุด จะนำไปเป็นเครื่องบรรณาการถวายฮ่องเต้ ซึ่งใบชาเกรดดีดีนั้นจะมีค่าประมาณทองคำ และใบชาเกรดที่ดีสุดนั้น จะประมาณค่ากันไม่ได้เลยทีเดียว และการดื่มชาในสมัยซ่งนั้นยังคงบดใบชาเป็นผงแล้วต้มกับน้ำดื่มเหมือน สมัยถังอยู่ครับ
โรงน้ำชาต่างๆ เริ่มผุดขึ้นมาในสมัยซ่งนี้เองครับ เพื่อให้คอชาได้มานั่งจิบชา และยังมีกูรูเรื่องชาในยุคนั้น มาตัดสินการแข่งขันพิธีการชงชา คุณภาพใบชา น้ำที่ใช้ชงชา และการหมักชาอีกด้วย
ในยุคนี้ถือได้ว่า ศิลปะและเทคโนโลยีในการทำถ้วยชาเซรามิค ถึงขั้นสุดยอดครับ ถ้วยชาจะมีขนาดลึก และปากกว้าง เพราะจะช่วยให้ใช้ไม้ไผ่ตีผงชาผสมกับน้ำได้ง่าย โดยจะเคลือบถ้วยชาด้วยสีดำ และน้ำเงินเข้ม เพื่อขับสีเขียวอ่อนๆของชาให้เด่นชัดขึ้น ถ้วยชาเซรามิคสมัยซ่งที่โด่งดังในหมู่นักสะสมเรียกว่า ถ้วยชาขนกระต่าย เพราะถ้วยชาจะเคลือบสีดำและมีเส้นวิ่งในแนวตั้งเหมือนเส้นขนนั้นเอง
ถ้วยชา “ขนกระต่าย” ในสมัยซ่ง ถ้วยใบนี้ถูกประมูลในตลาดของเก่านิวยอร์ค ที่ราคาประมาณ 116,000 บาทเลยทีเดียว (ภาพจาก waterfordsauction.com) |
ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911-2187) และราชวงศ์ชิง (พ.ศ. 2187–2455) ชาก็เป็นเครื่องดื่มที่ แพร่หลาย กลายเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือรวยเป็นเจ้าสัว คนจีน หรือฝรั่ง ต่างก็นิยมดื่มชา ในช่วงเวลานี้เองที่ชาจีนมีชื่อเสียงมาก และเป็นที่รู้จักของชาวโลกมากขึ้น คนจีนเริ่มมีการส่ง ออกชาจีนไปยังยุโรป แอฟริกา และส่วนอื่นๆของเอเชีย โดยในปี ค.ศ.1606 บริษัทดัชท์ อีส อินเดีย (Dutch East India Company) ได้ทำการนำเข้าชาจีนเป็นครั้งแรก และในปี ค.ศ. 1773 ได้มีเหตุการณ์สำคัญขึ้นที่เรียกว่า “งานปาร์ตี้ชา บอสตัน” (Boston Tea Party) เมื่อชาวอเมริกัน ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ไม่พอใจการเก็บภาษีนำเข้าชาของเจ้าอาณานิคมอังกฤษ เลยจราจลบุกเรือขนชาและทิ้งชาทั้งหมดลงทะเลไป ณ ท่าเรือเมืองบอสตัน
ภาพเหตุการณ์ Boston Tea Party ซึ่งถือว่า “ชา” เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ประเทศสหรัฐอเมริกา (ภาพจาก historyguy.com) |
วิธีการชงชาจีนในสมัยนี้ จะเหมือนกับปัจจุบันนี้ครับ คือนำใบชามาชงกับน้ำร้อน ซึ่งไม่เหมือนกับยุคก่อนหน้านี้แล้วนะครับ และเป็นยุคที่เริ่มมีชาชนิดต่างๆมากขึ้น เช่น ชาเขียว ชาอูหลง และชาดำ เป็นต้น
ปัจจุบัน ชา เป็นเครื่องดื่มที่มีผู้คนในโลกดื่มกันแพร่หลายที่สุด รองมาจากน้ำดื่ม และจากเรื่องราวของ ชาจีนตั้งแต่มนุษย์เริ่มรู้จักการบันทึก จนกระทั่งปัจจุบัน เราจะเห็นว่า ชา ก็คือชา แต่เรื่องราวของชานั้น ล้วนเกิดจากคนทั้งสิ้น
ทีนี้เราพอรู้ความเป็นมาย่อๆของชาจีนแล้ว ขอให้ดื่มชาอย่างมีความสุขนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น